สวัสดีมิตรรักนักทัวร์ลาวทุกคุณครับผม ถึงแม้ว่าประเทศชาติลาวนั้นอาจจะอาจจะยังมีสิ่งที่ยังไม่ปรับแต่งใช่หรือไม่กำลังพัฒนาอยู่บ้างหลายแบบหลายด้านแต่เชื่อไหมขอรับว่าในเรื่องการสื่อสารพร้อมทั้งโทรคมนาคมของประเทศลาวนั้นกลับไม่ด้อยไปกว่าประเทศใดๆ ในโลกเลยถึงขนาดที่ว่าประเทศไทยเองก็ยังสู้ไม่ได้เลยขอรับกระผมจนกระทั่งในบทความตอนนี้กระผมมาคุยถึงเรื่องการสื่อสารในลาวกันฮะ

               หากใครก็ตามที่ได้เคยไปทัวร์ฝั่งลาวมาแล้วยังจะก็จะเห็นว่าที่บ้านเมืองลาวนั้นเขามีการสื่อสารที่ทันสมัยโดยเฉพาะในเมืองหลวงของประเทศชาติลาว ที่นั่นมีทั้งสัญญาณโทรศัพท์แบบ 3G และ 4G อย่างเต็มรูปแบบให้ได้ใช้งานรวมไปถึงสัญญาณ WIFI ที่ฉับพลันจัดชัดจริงอีกเช่นกัน

               สาเหตุที่การสื่อสารคมนาคมของลาวมีความเจริญรุ่งเรืองนั้นก็เพราะว่าว่าทางรัฐบาลลาวได้มีการเปิดกว้างให้บริษัทเอกชนข้ามชาติได้เข้ามาประมูลสัญญาณโทรศัพท์ของประเทศจนกระทั่งจึงช่วยให้ประเทศลาวได้บริษัทที่เป็นผู้นำทางด้านโทรคมนาคมอันดับโลกมาดูแลโดยมีการตัดแบ่งสัมปทานกับทางรัฐบาลอย่างยุติธรรมอีกทั้งทางรัฐบาลลาวเองยังมีการติดตาม สั่งการเพื่อราคาค่าโทรศัพท์พร้อมทั้งค่าบริการอินเตอร์เน็ตถูกลงจนคนในประเทศพร้อมด้วยนักท่องเที่ยวที่ไปทัวร์ลาวสามารถใช้บริการอินเตอร์เน็ตในประเทศของเขาได้ทุกชนชั้นพร้อมทั้งอย่างทั่วถึงอีกเช่นกันดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่จำนวนผู้คนชาวลาวมีอัตราการใช้งานอินเตอร์เน็ตเพิ่มเติมเยอะขึ้นไปในแต่ละปีซึ่งจากการคาดการของบรรดากูรูด้านไอทีพยากรณ์เอาไว้ว่าประเทศชาติลาวจะอาจก้าวขึ้นแท่นผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตระดับสองของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายในปี 2015

เชื่อหรือไม่ครับว่าหากเราต้องการดูเรื่องราวหรือผลงานอารยธรรมของชนเผ่าพื้นเมืองสักชนเผ่าหนึ่งเราไม่จำเป็นต้องเสียเงินเสียทองมากมายบินข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อไปชมอารยธรรมหรือประวัติชนเผ่าพื้นเมืองเหล่านั้นเพราะเนื่องจากว่าหากเราได้มีโอกาสไปทัวร์สิงคโปร์ได้เราก็สามารถสัมผัสอารยธรรมของชนเผ่าพื้นเมืองของประเทศสิงคโปร์และประเทศใกล้เคียงได้เช่นกันครับซึ่งร่องรอยอารยธรรมเหล่านี้นั้นทางประเทศสิงคโปร์เขารวบรวมและจัดตั้งขึ้นเป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อให้คนในประเทศเขาและผู้ที่สนใจได้มาทัวร์สิงคโปร์เพื่อศึกษาหาความรู้กลับไปโดยพิพิธภัณฑ์ที่ผมพูดถึงนี้มีชื่อว่า “พิพิธภัณฑ์เปรานากัน” ครับ

               คำว่าเปรานากันนั้นหมายถึงวัฒนธรรมแบบผสมผสานที่มีการนำเอาเอกลักษณ์เด่นๆ ของวัฒนธรรมต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์มารวบรวมจัดแสดงไว้ซึ่งรวมไปถึงวัตถุและวัฒนธรรมพื้นบ้านของสิงคโปร์และประเทศในแถบนั้นอีกด้วย

 พิพิธภัณฑ์เปรานากันแห่งนี้ถือเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งเดียวในโลกที่มีการนำเสนอภาพรวมทั้งหมดของประเทศในแบภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ ซึ่งรวมถึงศูนย์กลางต่าง ๆ อันได้แก่ ประเทศสิงคโปร์ มะละกา ปีนัง อีกทั้งยังเจาะลึกลงไปถึงแหล่งที่มีความเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมเปรานากันในภูมิภาค เช่น ประเทศไทย ประเทศพม่า และประเทศอินโดนีเซีย อีกด้วย

สำหรับนักท่องเที่ยวที่มากับกรุ๊ปทัวร์สิงคโปร์และอยากเข้าชมพิพิธภัณฑ์เปรานากันแห่งสิงคโปร์ก็สามารถทำได้โดยง่ายครับเพราะเนื่องเนื่องจากพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ในบริเวณย่านที่มีคนพลุกพล่านอีกทั้งยังเปิดให้บริการทุกวันไม่เว้นวันหยุดโดยวันจันทร์เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 13.00-19.00 น. ส่วนวันอังคาร-วันอาทิตย์เปิดให้บริการ 09.00-19.00 น. และวันศุกร์เปิดให้บริการ 09.00-21.00 น. ครับ

พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์นั้นถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในฝันของบรรดานักทัวร์ยุโรปอีกแห่งหนึ่งที่ต้องไปเยือนให้ได้หากมีโอกาสเพราะเนื่องจากพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีความสวยงามทางด้านสถาปัตยกรรมล้ำหน้าพิพิธภัณฑ์อื่นๆ ในโลกรวมไปถึงยังเป็นสถานที่เก็บสิ่งของล้ำค่าจากทั่วทุกมุมโลกมากมายโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพวาดอมตะอย่าง “โมนาลิซ่า” ก็เก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้

               แม้ว่าพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์แห่งนี้จะมีชื่อเสียงมานานนับร้อยปีแล้วก็ตามแต่สำหรับคนไทยนั้นกระแสการไปเยือนพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ได้เริ่มต้นขึ้นหลังจากที่ภาพยนตร์เรื่อง Davinci Code ของ Dan Brown ได้เข้าฉายในบ้านเรา ฉากที่เลิศหรูอลังการของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ในเรื่องทำให้คนไทยคิดอยากจะไปทัวร์ยุโรปแล้วไปเยือนพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีมากขึ้นหลายเท่าตัวเลยทีเดียว

               จุดเด่นของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ที่นักท่องเที่ยวยุโรปที่มาเยือนต้องถ่ายภาพไปเป็นที่ระลึกว่าครั้งหนึ่งได้เคยมาเยือนสถานที่สำคัญแห่งนี้ก็คือพีระมิดด้านหน้าพิพิธภัณฑ์นั่นเองครับ ซึ่งเจ้าพีระมิดแก้วขนาดใหญ่อันเป็นสัญลักษณ์ของพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์นี้ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังชาวจีน–อเมริกันที่ชื่อว่า ไอ.เอ็ม.เป โดยใช้เป็นประตูทางเข้าพิพิธภัณฑ์ซึ่งก่อสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2531 ส่วนพีระมิดกลับหัวที่ต้องมองจากชั้นใต้ดินนั้นสร้างเสร็จในปี 2536

               ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ได้รับการดูแลภายใต้การกำกับของรัฐบาลประเทศฝรั่งเศสโดยเงินส่วนหนึ่งนั้นมาจากงบประมาณของประเทศและอีกส่วนหนึ่งมาจากค่าผ่านประตูในการเข้าชมซึ่งในปีหนึ่งๆ มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มากกว่า 9 ล้านคนเลยทีเดียวจึงถือได้ว่าเป็นพิพธภัณฑ์ที่คนเข้าชมมากที่สุดในโลกไปโดยปริยาย