ไปเที่ยวเกาหลีช่วงฤดูใบไม้ผลิ

ในขณะหน้าใบไม้ผลิของประเทศเกาหลีนั้นอยู่ในระหว่างเดือนมีนาคม จนกระทั่ง เดือนพฤษภาคม ซึ่งมีอุณหภูมิอยู่ที่ 6 องศา – 16 องศา ในหน้านี้จะเป็นตอนที่มีดอกไม้บานสะพรั่ง ต้นไม้ผลิใบเต็มต้น แสงแดดสาดส่องสดใสตลอดตลอดวัน ตอนกลางวันจะยาวกว่ารัตติ ซึ่งชาวเกาหลีนั้นจะถือว่าฤดูใบไม้ผลิเป็นฤดูแห่งการเริ่มต้น ภูมิประเทศต่างๆจะเต็มไปด้วยดอกไม้หลากหลายนานาพันธ์
ความเด่นของฤดูใบไม้ผลินี้คือเทศกาลชมดอกซากุระเกาหลีที่ชาวเกาหลีและคนจากประเทศอื่นๆ รอกันอยากจะไปสัมผัสปรากฏการณ์สีชมพูดของดอกซากุระด้วยกันทั้งนั้น โดยงานเทศกาลนี้จะเริ่มในอาทิตย์ที่ 2 ของเดือนเมษายน แต่ก็มีเคลื่อนคลาดนิดเดียว ก็ขึ้นอยู่กับภูมิอากาศโดยทั่วไปด้วย ซึ่งเราเองจะต้องเป็นคนคอยเช็คด้วยว่างานเทศกาลนั้นจะมีมาเมื่อไหร่ จำนวนมากทางใต้ของประเทศเกาหลีจะบานก่อน อย่างไรก็ดีดอกซากุระนั้นอยู่ได้ไม่นาน ไม่เกิน 2 สัปดาห์ก็ร่วงหมดจากต้นแล้ว แต่เราก็ยังมีทุ่งดอกทิวลิปให้เราได้เห็นในฤดูกาลนี้อีกด้วย ซึ่งจะมีให้ชมได้ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม กระทั่งถึง ต้นเดือนพฤษภาคม

korea-021

ส่วนการแต่งเนื้อแต่งตัวท่องเที่ยวในช่วงนี้นั้น เลือกเสื้อผ้าที่สวมใส่แบบสบายๆ อาจจะเป็นเสื้อยืดกางเกงยีนส์ ต่อจากนั้นมีแจ็คเก็ตหรือเสื้อแขนยาวบางๆ ทับก็พอแล้ว เนื่องจากอากาศกำลังสบายๆ พอเหมาะต่อการเดินไปชมวิวธรรมชาติ แต่จำต้องพกเสื้อกันหนาวติดตัวไว้ด้วยก็ดีเหมือนกันสมมุติใครคิดจะทัวร์เกาหลีเที่ยวเช้าจรดเย็น ก็เพราะว่าช่วงเย็นจะอุณหภูมิลงเร็วมาก
และในฤดูใบไม้ผลินี้ มีงานเทศกาลอื่นๆที่น่าดึงดูดอีกมาก ตัวอย่างเช่น งานเทศกาลโคมไฟดอกบัว,เทศกาลทะเลแหวกที่ชินโด,หรือถ้าใครชอบลุยๆรักธรรมชาติชี้ช่องทางให้ขึ้นภูขาก็จะติดอกติดใจไปอีกแบบ

เที่ยว มาดาบา กับทัวร์จอร์แดน

jordan-021

ทัวร์จอร์แดน พาคุณไปเที่ยวหลายเมือง มาครานี้จะอาจจะพาท่านไปชมความสวยงามพร้อมกับศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของไม้กางเขนพร้อมกับศาสนาคริสต์ ดังนั้นการเดินทางไปกับทัวร์จอร์แดน ในครั้งนี้คุณจะก็จะได้รับความรับทราบพร้อมด้วยความบันเทิงไปพร้อมๆกัน แค่ลองจินตนาการก็สุดจะคงจะบรรยายแล้วจ้า
มาดาบา (madaba) เป็นเมืองที่ทัวร์จอร์แดน กำลังจะอาจจะพาคุณไปเที่ยวชมในทริปนี้ หรือที่หลายๆคนเรียกเมืองนี้ว่า  เมืองแห่งเรื่องราวของโมเสส ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงอัมมาน 30 กิโลเมตร ชม โบสถ์กรีก-ออโธดอกซ์ แห่งเซนต์จอร์จถูกสร้างในราวปี ค.ศ. 600 ยุคของไบแซนไทน์ ชมภาพแผนที่ดินแดนศักดิสิทธิ์แห่งเยรูซาเลม ประดับโดยโมเสกสีต่างๆนาๆ ประมาณ 2.3 ล้านชิ้นแสดงถึงพื้นที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างๆนาๆ ในแถบรอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน, เยรูซาเลม, แม่น้ำจอร์แดน, ทะเลเดดซี, เขาไซนาย, อียิปต์ ฯลฯ นำท่านเดินทาง ชม เมาท์ เนโบ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่บนเขาซึ่งเชื่อกันว่าน่าจะคงจะคือพื้นที่ที่เสีย ชีวิตพร้อมทั้งฝังศพ ของโมเสส ผู้นำชาวยิวส์เดินทางจากอียิปต์มายังเยรูซาเลม ชมพิพิธภัณฑ์ขนาดมัก ภายใจเก็บข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่ขุดเจอภายในบริเวณนี้ พร้อมทั้งมีภาพถ่ายต่าง ๆ ภาพถ่ายที่พิเศษเป็นภาพที่ โป๊บ จอห์น ปอลที่ 2 เสด็จมาแสวงบุญที่นี่พร้อมกับได้ประกาศให้เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ในปี ค.ศ. 2000 ชมอนุสรณ์ไม้เท้าศักดิ์สิทธ์แห่งโมเสส ออกแบบเป็นสภาพคือไม้เท้าในรูปแบบไม้กางเขน โดยอุทิศคือ โลโก้ของโมเสส พร้อมด้วยพระเยซู

•    เมาท์ เนโบ (MOUNT NEBO) ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ที่ตั้งอยู่บนเขาซึ่งเชื่อกันว่าน่าจะน่าจะคือพื้นที่ที่เสียชีวิตและฝังศพของ โมเสสผู้นำชาวยิวส์เดินทางจากประเทศอิยิปต์มายังเยรูซาเล็ม โบสถ์แห่งเมาท์เนโบสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นไปในราวปี ค.ศ.300 -400 ในช่วงยุคไบแซนไทน์เพื่อคือที่ระลึกถึง โมเสสภายในโบสถ์ประกอบไปอีกด้วยภาพโมเสกสีบนพื้นโบสถ์อันล้ำค่ำ แสดงถึงภาพชีวิตสัมพันธ์ระหว่างคน, สัตว์ พร้อมกับธรรมชาติ, รูปคน ฯลฯพร้อมทั้งยังมีแท่นพิธี ม้านั่ง ตามรูปแบบของศาสนาคริสต์ไว้ประกอบพิธีต่าง ๆพร้อมกับอนุญาตให้ใช้ในทุกวันนี้, รูปภาพพร้อมด้วยรายละเอียดต่างๆปรากฏถึงการบูรณะโบสถ์, บ่อศีลจุ่ม ฯลฯ ในปี ค.ศ. 2000 โป๊ป จอห์น ปอลที่ 2เสด็จมาแสวงบุญที่นี่และได้ประกาศให้คือดินแดนศักดิ์สิทธิ์อนุสรณ์ไม้เท้าศักดิ์สิทธ์แห่งโมเสส ออกแบบเป็นลักษณะเป็นไม้เท้าในรูปแบบไม้กางเขน โดยอุทิศคือ สัญลักษณ์ของโมเสส พร้อมด้วยพระเยซู
•    อนุสรณ์ไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์ – อนุสรณ์ไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์ของโมเสสที่มีสภาพคล้ายไม้กางเขน ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นเพื่อให้คนที่ชอบการชมเมืองจากมุมสูง ก็มีจุดชมวิวที่มองเห็นแม่น้ำจอร์แดนทะเลเดดซี เมืองเบธเลเฮมและประเทศชาติอิสราเอล ได้อย่างแจ่มแจ้ง
•    โบสถ์สไตล์กรีกอ อโธด็อกซแห่งเซนต์จอร์จ – ทำในราวปี ค.ศ. 600 ยุคของไบแซนไทน์ ชมภาพแผนที่ดินแดนศักดิสิทธิ์แห่งเยรูซาเลม ตกแต่งโดยโมเสกสีต่างๆนาๆ ประมาณ 2.3 ล้านชิ้นแสดงถึงอาณาเขตดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างๆนาๆ ในแถบรอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน, เยรูซาเลม, แม่น้ำจอร์แดน, ทะเลเดดซี, เขาไซนาย, อียิปต์ ฯลฯ

ระบำบารอง การแสดงพื้นถิ่นชาวบาหลี

bali-023

ในตอนสุดท้ายของบทความทัวร์บาหลีนี้ข้าพเจ้าขอนำคณะทัวร์บาหลีของฉันทุกคุณไปจับกับศิลปธรรมเนียมโบราณของบาหลีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและเริ่มหาดูได้ยากถ้าไม่มีการอนุรักษ์กันซึ่งนั่นก็คือระบำบาหลีนั่นเองครับผม

               ระบำบาหลีนั้นมีชื่อเรียกท้องถิ่นว่าระบำบารอง โดยระบำบารองนั้นเป็นระบำที่เกิดขึ้นไปจากภูมิปัญญาของชาวบาหลีโดยตรงที่มีการคิดขึ้นไปพร้อมทั้งแสดงเล่นกันมาเป็นระยะเวลาอันยาวยาวนานซึ่งรูปแบบของระบำบารองนั้นจะน่าจะเป็นการร้องรำประกอบเรื่องราวการต่อสู้กันระหว่างฝ่ายดีพร้อมทั้งฝ่ายมารซึ่งฝ่ายดีนั้นข้าพเจ้าจะอาจจะเรียกว่า บารองอันมีสภาพคือครึ่งคนครึ่งสิงห์ส่วนฝ่ายมารหรือไม่ฝ่ายร้ายนั้นจะคงจะเรียกว่า รังดาซึ่งรังดาส่วนใหญ่นั้นจะคงจะแสดงกายในร่างของบิดาหมดหมอผีเสียเป็นส่วนใหญ่

               ในอดีตการปรากฏระบำบารองนั้นต้องจะจะเป็นการปรากฏที่จัดขึ้นในงานสำคัญๆ หรือว่างานต้อนรับแขกที่อยู่อาศัยแขกเมืองแค่นั้นเพราะว่าถือคือระบำที่มีความศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับคือมงคลต่อผู้ชมแต่ในสมัยปัจจุบันเมื่อมีนักท่องเที่ยวมาทัวร์บาหลีกันหลายๆยิ่งขึ้นไปการปรากฏบารองจึงได้แปรเปลี่ยนจากการแสดงพื้นเมืองยอดความนิยมกลายเป็นการปรากฏเชิงพาณิชย์ไปในที่สุด

               การปรากฏระบำบารองนั้นผู้จัดสามารถทำการแสดงได้ทุกเวลาไม่ว่าจะอาจจะเช้าหรือไม่เย็นขึ้นอยู่กับความราบรื่นเป็นขบวนการแต่ถ้าเป็นการแสดงในช่วงตอนกลางวันแล้วนั้นส่วนใหญ่ย่อมเป็นแค่เพียงแค่การปรากฏระบำบารองแค่นั้นไม่มีการแสดงอย่างอื่นแทรกหรือเติมเพิ่มส่วนระบำบารองที่แสดงในช่วงกลางคืนนั้นจะอาจมีการเพิ่มแสงสีเสียงลงใปเพื่อตามใจนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ